ปี 57 เซ็นทรัล .... The Next Chapter ...

 เซ็นทรัล  The next chapter เดินหน้าซื้อธุรกิจ ยึด 15 ประเทศ


updated: 21 ก.พ. 2557 เวลา 16:26:26 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
ช่วงปลายปี 2556 "กลุ่มเซ็นทรัล" ขยับตัวครั้งใหญ่ด้วยการปรับโครงสร้างบริหารแบบยกเครื่องทั้งองค์กร โดย "ทศ จิราธิวัฒน์" ในวัย 49 ปี ก้าวขึ้นเป็นประธานกรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด (Chairman of Executive Committee and CEO of Central Group) แทน "สุทธิธรรม จิราธิวัฒน์" ในวัย 66 ปี ที่ขอเกษียณอายุการทำงาน มีผลตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน 2556 ที่ผ่านมาการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ "กลุ่มเซ็นทรัล" เสมือนการก้าวสู่การบริหารงานยุคใหม่ โดยที่ "ทศ" เจเนอเรชั่นที่ 3 ของตระกูลจิราธิวัฒน์ จะเป็นผู้ขับเคลื่อนสำคัญ สานต่อความสำเร็จตามยุทธศาสตร์ที่ "สุทธิธรรม" วางรากฐานเอาไว้

ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา กลุ่มเซ็นทรัลยกทีมผู้บริหารชุดใหม่เปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบถึงทิศทางและย่างก้าวต่อไป ภายใต้ยุทธศาสตร์ "The Next Chapter of Central Group" ด้วยงบฯลงทุนครั้งมหาศาล 4.4 หมื่นล้านบาทในปีนี้ บวกกับเป้าหมายการเติบโตของยอดขาย 14% หรือ 2.67 แสนล้านบาท

"ทศ จิราธิวัฒน์" ฉายภาพว่า ในรอบ 30 ปีที่ผ่านมา กลุ่มเซ็นทรัลได้ปรับองค์กรใหญ่มาแล้ว 4 ครั้ง นับตั้งแต่ยุคของคุณพ่อ (สัมฤทธิ์ จิราธิวัฒน์) โดยที่การปรับองค์กรในครั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับแผนธุรกิจที่ต้องการมุ่งไปข้างหน้า รวมถึงทำให้เกิดความคล่องตัวในการบริหาร ที่สำคัญเป็นโครงสร้างที่จะช่วยผลักดันการเติบโตของกลุ่มเซ็นทรัลอย่างยั่งยืน
และมีเป้าหมายในท้ายที่สุดเพื่อการขึ้นเป็นกลุ่มธุรกิจค้าปลีกและบริการระดับโลกซึ่งในอีก 10 ปีนับจากนี้ กลุ่มเซ็นทรัลจะต้องเป็นผู้นำค้าปลีกในภูมิภาค

ภายใต้โครงสร้างนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการดันทีมผู้บริหาร "ลูกหม้อ" ขึ้นมาสู่บทบาทผู้บริหารระดับสูงด้วยการแตกกลุ่มธุรกิจใหม่ออกเป็น 8 กลุ่ม จากเดิมที่มี 5 กลุ่มธุรกิจ อาทิ 1.นางยุวดี จิราธิวัฒน์ ดูแลกลุ่มธุรกิจห้างสรรพสินค้า 2.นายปรีชา เอกคุณากูล ดูแลกลุ่มธุรกิจศูนย์การค้าและอสังหาริมทรัพย์ 3.นายปาสคาล บิลโลว์ดูแลกลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค

4.นายสุทธิสาร จิราธิวัฒน์ ดูแลกลุ่มธุรกิจวัสดุก่อสร้าง สินค้าตกแต่งบ้านและเครื่องใช้ไฟฟ้า 5.นายพิชัย จิราธิวัฒน์ ดูแลกลุ่มธุรกิจบริหารและจัดการสินค้านำเข้า 6.นายธีรยุทธ จิราธิวัฒน์ ดูแลกลุ่มธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ต 7.นายธีรเดช จิราธิวัฒน์ ดูแลกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร และ 8.นายวรวุฒิ อุ่นใจ ดูแลกลุ่มธุรกิจอุปกรณ์เครื่องเขียน หนังสือ และออนไลน์เป็นพลังของคลื่นผู้บริหารทั้งภายในตระกูลจิราธิวัฒน์ ผสานเข้ากับมืออาชีพ

สอดคล้องกับการยกเครื่ององค์กรเพื่อก้าวสู่การแข่งขันระดับโลก กลุ่มเซ็นทรัลเตรียมทุ่มงบฯลงทุน 4.4 หมื่นล้านบาท สำหรับขยายการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ และกว่า 75% ของงบฯลงทุนทั้งปีนี้จะพุ่งเป้าไปที่กลุ่มห้างสรรพสินค้าและกลุ่มพัฒนาศูนย์การค้า เช่นเดียวกับเตรียมเปิดศูนย์การค้าใหม่ 8 แห่งในประเทศตลอดทั้งปีนี้ คือเซ็นทรัล เฟสติวัล สมุย จ.สุราษฎร์ฯ, เซ็นทรัลพลาซาศาลายา, เซ็นทรัล เอ็มบาสซี และอีก 5 สาขาเป็นโรบินสัน คือปราจีนบุรี, ร้อยเอ็ด, ฉะเชิงเทรา, สมุทรปราการ และมุกดาหาร

ส่วนในต่างประเทศเตรียมเปิดห้างสรรพสินค้าโรบิ้นส์ในเวียดนาม ที่ฮานอยและโฮจิมินห์ ขณะที่มาเลเซียได้เซ็นสัญญา 1 แห่งแล้วสำหรับการพัฒนาศูนย์การค้า ขณะที่กลุ่มธุรกิจเซ็นทรัลมาร์เก็ตติ้ง (CMG) ได้มีการนำแบรนด์ใหม่ ๆ เข้ามาจำนวนมากสำหรับรองรับตลาดเมืองไทยและในอาเซียน และในส่วนของโรงแรมในเครือเซ็นทรัลตั้งเป้าเปิดปีละ 10 แห่งตามแผนงานทั้งในและต่างประเทศ

"งบฯลงทุน 4.4 หมื่นล้านบาท ไม่รวมกับดีลควบรวมกิจการ (M&A) ที่อยู่ในระหว่างเจรจาราว 10 รายในปีนี้ ซึ่งกลุ่มเซ็นทรัลจะมีงบฯพิเศษตั้งเอาไว้ต่างหากสำหรับดีลพิเศษเหล่านี้ เรายังเดินหน้าลุย M&A ต่อเนื่อง เพราะเป็นหน่วยหลักที่สร้างรายได้เสริมเข้ามามากกว่า 3-4% ต่อปี จากการเติบโตปกติ"

"ทศ จิราธิวัฒน์" ขยายความอีกว่า ปัจจุบันกลุ่มเซ็นทรัลเข้าไปเปิดธุรกิจในต่างประเทศแล้ว 15 ประเทศ และเป้าหมาย
ขยายรายได้จากต่างประเทศให้มากที่สุด ซึ่งเมื่อ 3 ปีก่อนกลุ่มเซ็นทรัลมีรายได้จากต่างประเทศน้อยมากแทบจะเป็น 0% แต่ปัจจุบันสัดส่วนได้เพิ่มขึ้นมาประมาณ 15% แล้ว และคาดว่าใน 5-10 ปีข้างหน้าตัวเลขจะขยับขึ้นเป็น 20-30% และกลายเป็น50% หลังจากผ่านช่วง 10 ปีไปแล้ว

นอกจากนี้ หัวเรือใหญ่กลุ่มเซ็นทรัลได้ให้ความเห็นการเมืองและเศรษฐกิจในปีนี้ว่า เศรษฐกิจไทยคงจะเติบโตได้ไม่มากนัก การชุมนุมทางการเมืองคงจะลากยาวถึง 6 เดือน การตั้งเป้าเติบโต 14% ก็อยู่ในสมมติฐานการเมืองนี้แล้ว ซึ่งเศรษฐกิจขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางการเมืองว่าจะจบลงเมื่อใด ตลาดมีกำลังซื้อ แต่สิ่งสำคัญ คือมู้ดที่โดนการเมืองกระทบอารมณ์ในการจับจ่ายใช้สอย แต่โดยรวมก็ยังโอเค เจ็บนิด ๆ ยอดขายหดหาย 1-2% กระทบมากสุดคือเซ็นทรัลเวิลด์ เพราะมีการชุมนุมล้อมรอบ และแจ้งวัฒนะ ส่วนต่างจังหวัดก็อาจกระทบบ้างในแง่ของนักท่องเที่ยว
อย่างไรก็ตาม ถ้า "ม็อบ" ลากยาวเกิน 6 เดือนคงต้องมารีวิวแผนธุรกิจกันอีกรอบ
*นำมาจาก http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1392967596

ข่าว  2

กลุ่มเซ็นทรัลทุ่มกว่า 4 หมื่นล้าน ปรับ 8 กลุ่มธุรกิจใหม่ ตั้งเป้าปีนี้โต 14% ไม่หวั่นผลกระทบม็อบ 
    นายทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด กล่าวว่า ในปี 2557 ตั้งเป้ารายได้ของกลุ่มอยู่ที่ 267,000 ล้านบาท คาดมีอัตราเติบโต 14% ภายใต้กลยุทธ์ The Next Chapter of Central Group โดยเน้นการปรับโครงสร้างองค์กรและทีมผู้บริหารใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับแผนธุรกิจรวมถึงทำให้เกิดความคล่องตัวในการบริหาร ซึ่งการปรับโครงสร้างองค์กรนั้น ได้แบ่งกลุ่มธุรกิจออกใหม่เป็น 8 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มธุรกิจห้างสรรพสินค้า 2.กลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภค บริโภค 3.กลุ่มธุรกิจวัสดุก่อสร้าง สินค้าตกแต่งบ้านและเครื่องใช้ไฟฟ้า 4.กลุ่มธุรกิจอุปกรณ์เครื่องเขียน หนังสือ และออนไลน์ 5.กลุ่มธุรกิจศูนย์การค้า และอสังหาริมทรัพย์ 6.กลุ่มธุรกิจบริหารและจัดการสินค้านำเข้า 7.กลุ่มธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ต 8.กลุ่มธุรกิจร้านอาหาร ทั้งนี้ มีการแต่งตั้งหน่วยงานสนับสนุนส่วนกลาง และ กลุ่มการเงิน เพื่อเสริมการทำงานของทุกกลุ่มธุรกิจให้มีประสิทธิภาพสูงสุด   
    ทั้งนี้ ในปี 2557 กลุ่มเซ็นทรัลมีแผนลงทุนในโครงการต่างๆ ในงบลงทุนกว่า 44,000 ล้านบาท ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 11,000 ล้านบาท โดยปี 2556 ใช้งบลงทุน 33,000 ล้านบาท ซึ่งในประเทศเน้นขยายสาขาสู่ต่างจังหวัด มีการเปิดศูนย์การค้าใหม่ 2 แห่ง และห้างสรรพสินค้าโรบินสันใหม่ 5 แห่ง ส่วนในต่างประเทศ การขยายธุรกิจในต่างประเทศ มุ่งไปที่ 3 ประเทศ คือ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม มองว่าการลงทุนในต่างประเทศนั้นตอนนี้เติบโตที่ 15% ต่อไป 10 ปี ข้างหน้าอาจโตถึง 50% โดยเราเน้นลงทุนในไทยอันดับ 1 แน่นอน อันดับ 2 เป็นการลงทุนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และสุดท้ายคือ ในยุโรป
    นายทศ กล่าวต่อว่า กรณีการชุมชนทางการเมืองที่ผ่านมา ยอมรับว่ามีผลกระทบต่อธุรกิจบ้าง อาจกระทบเพียง 1-2% แต่ก็ไม่มาก ทั้งนี้ เราเห็นความเปลี่ยนแปลงกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลงพอสมควร แต่ก็ยังดีอยู่ ซึ่งที่ผ่านมาในรอบ 3 ปี ธุรกิจของกลุ่มโต 20% เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการตั้งเป้าของปีนี้ที่จะโต 14% นั้น ตนมองว่าเป็นการตั้งเป้าที่สูงพอสมควร ส่วนการปรับตัวหรือรับมือกับผลกระทบนั้น คงไม่ต้องทำอะไรมาก ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มได้ผ่านวิกฤติมาหลายอย่าง
    ด้านนายสุทธิธรรม จิราธิวัฒน์ กรรมการและประธานคณะที่ปรึกษา บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด กล่าวเสริมว่า ปี 2556 ที่ผ่านมา ผลประกอบการธุรกิจกลุ่มเซ็นทรัลมียอดขายรวมทั้งสิ้น 233,993 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 19% จากปีก่อนหน้า โดยกลุ่มธุรกิจค้าปลีก (CRC) มีอัตราเติบโต 18% กลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (CPN) มีอัตราเติบโต 16% กลุ่มธุรกิจค้าส่ง (CMG) อัตราเติบโต 15% กลุ่มธุรกิจโรงแรม (CHR) อัตราเติบโต 25% และกลุ่มธุรกิจอาหาร (CRG) อัตราเติบโต 8%
    ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการขยายกิจการอย่างต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ มีการเข้าซื้อกิจการในยุโรปและขยายธุรกิจรีเทลสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ การเปิดศูนย์การค้าใหม่ 3 แห่ง การขยายกลุ่มธุรกิจค้าปลีก 2 สาขา ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน 5 สาขา ไทวัสดุ 12 สาขา ออฟฟิศเมท 8 สาขา และร้านแฟมิลี่มาร์ท 266 สาขา ส่วนต่างประเทศกลุ่มรีเทลได้เข้าซื้อกิจการห้างสรรพสินค้า อิลลุม (ILLUM) กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก.

* อ้างจาก  http://www.thaipost.net/news/190214/86254

No comments:

Post a Comment