ในปัจจุบัน มีความพยายามที่น่าสนใจ หรือ การเกิดกระแสของ "การปั้นธุรกิจครอบครัว" ให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน แบบชนิด "บูมสนั่น" เป็นคลื่นกระแทกสู่ฝั่งซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ซึ่งอาจเป็นเพราะ ในอดีตเราละเลยเรื่องนี้กันมานาน ปล่อยให้ ธุรกิจทั้งหลาย ล้มลุกคลุกคลาน แสวงหาแนวทางของตนเอง แต่ก็ยังมีนักวิชาการและผู้ที่สนใจศึกษาในเรื่องธุรกิจครอบครัวอยู่ไม่น้อยเช่นกัน เพียงแต่เป้าหมายอาจจะแตกต่างกันออกไป ตามธรรมชาติของผู้ที่ศึกษา
ในปี 2554 ที่ผ่านมา หนังสือ "เจาะ DNA ธุรกิจครอบครัวไป " ได้ส่งผ่านไปยังมือ ของธุรกิจครอบครัว นักศึกษาทางธุรกิจ และผู้ที่สนใจในธุรกิจครอบครัว จำนวนไม่น้อย
ประด็นหนึ่งซึ่งเป็นที่สนใจกันมากว่า "ทายาทธุรกิจครอบครัว รุ่นใหม่ " สนใจอยากดำเนินธุรกิจครอบครัวต่อจากรุ่นก่อนหรือไม่
. ..ในบางธุรกิจก้ไม่มีความสนใจเลย เพราะเห็นความยากลำบาก การทำงานแบหามรุ่งหามค่ำ ทายาทฯรุ่นลูกก็ไม่อยากทิ้งความสุขสบายลงมามือเปื้อน
. ..ในบางธุรกิจ ผู้ก่อตั้ง อยากให้ทายาทฯ เข้ามาช่วยทำในธุรกิจครอบครัว แต่ยังขาดประสบการณ์ต้องเรียนรู้ กันอยู่
...มีบางองค์กร อาสาตนเองเข้ามาเตรียมความพร้อมให้ธุรกิจครอบครัว ทั้งอบทั้งรม แต่พอลงสนามจริง กลับไปเป้นอย่างที่ได้ไปอบรมมา แต่อาจได้สายสัมพันธ์ การร่วมธุรกิจใหม่ ๆ ที่ต่างไปจากธุรกิจเดิม
...บางคนก็ไม่ได้สนใจไปร่ำเรียนที่ไหน อาศัย อ่าน นสพ. ต่าง ๆ ที่ สื่อพยายามปรับมาเล่นหัวข้อนี้เพราะเป็นกระแส แต่ก็เป็น "กรณี" ที่บอกไม่หมด มีแต่สิ่งดี ๆ หากลองไปทำบ้างมีทั้งได้ผลและเจ๊ง
คำถามคือ ทำไมจึงเป็นอย่างนั้น
ผู้เขียนคิดว่า เราคงต้องกลับมาที่พื้นฐาน
..เมื่อไม่นานนักได้มีโอกาสเป็นวิทยากรที่ปรึกษาในการไปจัดทำ วิสัยทัศน์ และภารกิจ ให้กับธุรกิจครอบครัวที่ตั้งมาตั้งแต่รุ่นพ่อ จนกระทั่งปัจจุบันอยู่ในมือรุ่นลูก แต่สิ่งที่แตกต่างไปจากเดิมคือมีความตั้งใจอยากทำธุรกิจต่อ แต่เป็นลักษณะ คิดกันเองในครอบครัว เรียนรู้จากความสำเร็จในอดีต และรุ่นลูกในปัจจุบันที่จบการศึกษามาดีพอสมควร
แต่ธุรกิจ "ไม่แรงอย่างที่คิด" ซึ่งอาจจะมีหลายปัจจัย ซึ่งผู้เขียนเห็นว่า มีปัจจัยหนึ่งคือ "การเตรียมความพร้อม" ใน 2 ลักษณะ
อย่างแรก ความพร้อมด้านพื้นฐานการศึกษา
ผู้เขียนมีข้อมูลจากการศึกษา ในปี 2010 ของ KPMG ที่ได้ทำการศึกษาผู้ประกอบการในออสเตรเลีย พบว่า
การเตรียมทายาทรุ่นใหม่ ด้านการศึกษามีดังนี้
-ความรู้ในด้านการศึกษามีคุณสมบัติ
หรือปริญญา ระดับ Undergrad 40.38%
-ความรู้ในด้านการศึกษามีคุณสมบัติ
หรือปริญญา ระดับ Post grad 19.23%
-อนุปริญญา 17.32%
-เกรด 12 15.38%
-เกรด 10 5.77%
-คุณสมบัติทางการค้า 1.92%
อย่างที่สอง ความรอบรู้ในธุรกิจ (Business Acumen)
เป้นสิ่งสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าวุฒิความรู้ ยิ่งเรียนมากเท่าไหร่ แต่ขาดความรู่ในธุรกิจ และประสบการณืในทำธุรกิจจริง ๆ มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เพื่อนของผู้เขียนที่เป็นผู้ประกอบการแบบธุรกิจครอบครัว จะพบว่ารุ่นทายาท ยังอ่อนประสบการณ์ หรือ คิดแบบในตำราเรียนมากกว่าที่จะนำไปใช้จริงได้ ซึ่งคงต้องให้เวลาในการเรียนรู้และพัฒนา อต่ก็อาจไม่ทันใช้งานเพราะปัจจุบันธุรกิจแข่งขันกันสูง และภูมิทัศน์ทางธุรกิจก็ไม่เหมือนสมัยรุ่นก่อตั้ง หรือ รุ่นก่อน
การเตรียมพร้อมสร้างทายาทธุรกิจครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญแต่คงไม่ได้ทำด้วยการไปฟัง บรรยาย -อบรมสัมมนา - แต่ต้องมีโมเดลการเรียนรู้ และเรียนรู้จากโมเดลของธุรกิจครอบครัวที่ ประสบความสำเร็จจากหลาย ๆ รุ่นจนถึงปัจจุบัน ถอดรหัสความสำเร็จได้ จนกล้าเกร่งไปพัฒนาโมเดลความสำเร็จใหม่ของธุรกิจครอบครัวขึ้นมาได้
ดร.ดนัย เทียนพุฒ
วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิสถาบันพระปกเกล้า
โทร 029301133
email: drdanait@gmail.com